บ่อตกปลาธรรมชาติ ที่เห็นได้ตามสถานที่ทั่วไปเลย เช่น หนองน้ำ หรือบึงที่เกิดขึ้นตามแหล่งต่าง ๆ ในธรรมชาติ และเป็นสถานที่ที่เปิดให้ผู้สนใจเข้ามาตกปลาในสถานที่ดังกล่าวได้อย่างอิสระ นอกจากนี้รูปแบบการตกปลาในบ่อตกปลาธรรมชาตินั้นจะมีทั้งการใช้คันเบ็ด การวางตาข่าย หรือการลงทอดแหเพื่อใช้ในการตกปลาในแหล่งบ่อตกปลาธรรมชาติ โดยหากต้องการตกสายพันธุ์ปลาอย่างเจาะจงที่อยู่ในแหล่งน้ำจะสามารถจับสังเกตได้จากพฤติกรรมการว่ายน้ำของแต่ละสายพันธุ์ปลาที่สนใจได้ ยกตัวอย่างเช่น ปลาสายพันธุ์ปลาช่อน ปลาชะโดจะมีพฤติกรรมการโผล่ขึ้นมาเพื่อหายเหนือน้ำโดยเฉลี่ยคือ ทุก ๆ 20 นาที และหากต้องการตกปลาสายพันธุ์นี้จะต้องไปตกในพื้นที่ที่เป็นพื้นที่มีร่มเงาหรือใกล้เคียงกับบริเวณที่มีร่มเงา และจะต้องเป็นพื้นที่ที่ใกล้กับตลิ่งหรือริมบ่อตกปลาธรรมชาติ
ต่อมาเลยคือสายพันธุ์ปลาหมอ สายพันธุ์นี้จะมีพฤติกรรมชอบว่ายขึ้นมาเล่นบนผิวน้ำทำให้ง่ายต่อการเห็น สายพันธ์ปลาสวายจะมีพฤติกรรมการว่ายน้ำอยู่บริเวณกลางบ่อตกปลาธรรมชาติ และจะชอบว่ายขึ้นมาเหนือน้ำเหมือเป็นการกระโดดขึ้น และลงไปในแหล่งน้ำจนเกิดเสียงเหมือนมีคนโยนหินหรือสิ่งของลงในแหล่งน้ำ สายพันธุ์ปลานิลจะเป็นปลาที่ค่อนข้างสังเกตยากเนื่องจากจะชอบมีพฤติกรรมการว่ายน้ำที่ไม่ขึ้นมาเหนือผิวน้ำ จะสังเกตเห็นได้เพียงฟองอากาศที่ขึ้นมาบนผิวน้ำบ่อตกปลาธรรมชาติเรียงกันไม่เกินสามถึงสี่ฟองอากาศ ต่อมาคือสายพันธุ์ปลากราย เป็นหนึ่งในสายพันธุ์ปลาชอบว่ายขึ้นเหนือน้ำจนเห็นตัวชัดเจน สามารถพบปลาสายพันธุ์ดังกล่าวได้ตรงบริเวณชายตลิ่ง และบริเวณที่มักจะมีตอไม้ปรากฏขึ้น สายพันธุ์ปลายี่สกเทศจะมีพฤติกรรมกระขึ้นเหนือน้ำในช่วงเวลาเช้าแต่จะเป็นช่วงเวลาก่อนที่แดดจะแรงมากจนเกินไป และหากปลาสายพันธุ์นี้มีหลายตัวในแหล่งบ่อตกปลาธรรมชาติแหล่งนั้น ปลายี่สกเทศก็จะชอบว่ายเกาะกลุ่มกันเป็นจำนวนมาก ฉะนั้นหากผู้ตกปลาเป็นปลาสายพันธุ์นี้ให้ตกบริเวณที่ปลากระโดดขึ้นเหนือน้ำ โอกาสจะได้มีสูงเป็นอย่างมาก และสายพันธุ์สุดท้ายที่จะยกตัวอย่างเลยคือ สายพันธุ์ปลากระสูบ พฤติกรรมการว่ายน้ำจะเป็นในรูปแบบน้ำวนหมุน และหากมาเป็นฝูงใหญ่เพื่อต้องการล่าเหยื่อตัวน้ำจะขึ้นมาเหมือนเป็นช่วงฝนตกลงผิวน้ำเป็นบริเวณวงค่อนข้างกว้าง นอกจากนี้ก็จะเป็นปลาสายพันธุ์อื่น ๆ อีกมากมายที่นิยมว่ายบริเวณที่เป็นบ่อตกปลาธรรมชาติ สิ่งหนึ่งที่สำคัญเป็นอย่างมากในการช่วยให้ตกปลาตามแหล่งบ่อตกปลาธรรมชาติได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้นคือควรทราบถึงช่วงเลาในการว่ายของปลา ช่วงเวลาใน ณ ที่นี้จะกล่าวทั้งช่วงเวลาในแต่ละวันและรวมถึงช่วงเวลาที่เป็นฤดูกาลของปลาสายพันธุ์ที่สนใจ ผู้ตกปลาควรรู้จักพฤติกรรม สถานที่ที่ปลาชอบว่ายไป และจำเป็นต้องระวังเสียงรบกวนให้เกิดให้น้อยที่สุด หรือไม่มีเลยจะถือว่าเป็นเรื่องที่ดีต่อผู้ตกลาเป็นอย่างมาก
บ่อตกปลาธรรมชาติที่แนะนำ
บ่อตกปลาธรรมชาติ แพรกษา12 เป็นบ่อตกปลาธรรมชาติที่เปิดให้บริการแก่ผู้เข้าใช้บริการอย่างดี โดยตัวบ่อนั้นเกิดขึ้นตามธรรมชาติ และทางร้านก็ได้มีการพัฒนาให้บ่อปลามีพันธุ์ปลาหรือจำนวนปลาที่เพิ่มขึ้น รวมถึงมีการดูแลปลาภายในบ่อให้เป็นไปตามธรรมชาติให้มากที่สุด รวมทั้งบรรยากาศภายในนั้นก็เน้นความเป็นธรรมชาติเพื่อให้เกิดความผ่อนคลายแลร่มรื่นแก่ผู้ที่เข้ามาใช้บริการ วันและเวลาที่เปิดให้บริการคือ วันอังคารถึงวันอาทิตย์ กล่าวคือทางร้านหยุดทุกวันจันทร์ เวลาที่เปิดให้บริการคือเวลา 07.00 – 18.00 น. ต่อมาคืออัตราการคิดค่าบริการที่ทางบ่อตกปลาธรรมชาติกำหนดเลยคือ เบ็ด ราคา 100 บาท โปรโมชั่นตกปลารวมทุกสายพันธุ์รวมแล้วต้องไม่เกิน 2 กิโลกรัม (ในส่วนนี้จะไม่มีการรวมปลาสายพันธุ์ปลาช่อนและปลากะพงร่วมด้วย) หากเกินจะคิดเพิ่มกิโลกรัมละ 50 บาท ส่วนปลาช่อนจะฟรีใน 1 กิโลกรัมแรก หากตกเกินจะคิดเป็นราคา 120 บาทต่อกิโลกรัม ส่วนปลาสายพันธุ์ปลากะพงจะฟรีใน 1 กิโลกรัมแรกเช่นกัน และหากเกินก็จะติดเป็นราคา 120 บาทต่อกิโลกรัม แต่ปลากดคังจะไม่สามารถนำออกฟรีได้ จะคิดเริ่มคือ 160 บาทต่อกิโลกรัม และปลาแรดก็ไม่สามารถนำออกฟรีได้เช่นกัน จีการคิดเริ่มต้นที่ 70 บาทต่อกิโลกรัม นอกจากนี้ทางบ่อตกปลาธรรมชาติ แพรกษา12 ได้มีการจัดการให้รางวัลแกผู้ที่สามารถตกปลาสายพันธุ์อื่นนอกจากที่ทางบ่อปลากำหนดให้นำออกได้ ได้แก่ ปลากรายเผือกที่หากตกได้จะได้รับรางวัลจากทางบ่อตกปลา 100 บาทต่อหนึ่งตัว ปลาแรดเผือกจะได้รับรางวัล 100 บาทต่อหนึ่งตัว และสุดท้ายเลยคือปลาช่อน ในปลาสายพันธุ์นี้จะไม่ได้รางวัลเป็นเงิน แต่จะได้เป็นเบียร์แทน โดยหากตกปลาช่อนหัก 2 กิโลกรัมได้ก็จะได้รับรางวัลเป็นเบียร์ฟรี เป็นจำนวน 2 ขวดให้แก่ผู้ที่ตกได้ และการแจกรางวัลนั้นจะมีการจัดแจกให้แก่ผู้ตกทุกวัน ไม่มีการจัดหรือแบ่งรอบใด ๆ และอย่างที่แจ้งไปว่าปลาทั้งสี่สายพันธุ์ที่กล่าวมา หากผู้เข้าใช้บริการตกได้จะได้รับรางวัลแทนการนำปลาออกจากบ่อปลา นอกจากการแจกรางวัลแล้วนั้น ยังมีการจัดการแข่งขันขึ้นด้วย
กติกามีดังต่อไปนี้ สิ่งแรกคือผู้ลงแข่งจะต้องมีตั๋วเข้าตกปลา วันจะมีการจัดทุกวันอังคาร วันพุธ วันพฤหัสบดี วันศุกร์ และวันเสาร์ ส่วนเวลาที่เปิดให้ลงแข่งขันคือ 06.00 – 16.00 น. เมื่อหมดเวลาในการลงแข่งขันก็จะเริ่มประกาศชื่อผู้ชนะในลำดับต่อไป รางแก่ผู้ชนะคือเงินรางวัลจำนวน 200 บาทให้แก่ผู้ชนะ โดยจะวัดจากความยาวของตัวปลาที่ผู้แข่งขันตกได้ โดยเมื่อตกได้แล้วให้นำปลาที่ผู้แข่งขันตกได้มาวัดขนาดของความยาวที่ตรงหน้าเคาท์เตอร์ของบ่อตกปลาธรรมชาติทันที และปลาที่นำมาแข่งขันเมื่อทำการวัดขนาดความยาวเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะต้องนำปลาดังกล่าวปล่อยลงบ่อทันที และนอกจากบริการด้านตกปลาแล้ว ทางบ่อตกปลาธรรมชาติแห่งนี้ก็มีบริการอาหารตามสั่งราคาย่อมเยาจำหน่ายให้แก่ผู้เข้าใช้บริการ รวมถึงอาหารและขนมทานเล่นก็มีให้บริการเช่นกัน พร้อมทั้งขายอุปกรณ์การตกปลา อีกทั้งยังมีสถานที่จอดรถให้แก่ผู้เข้าใช้บริการอีกด้วย นับเป็นสถานที่ที่อำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าเป็นอย่างมาก Ufabet เว็บหลัก